Desserts Mate (ดิเซิร์ท เมท)

กราโนลาและมูสลี่ อาหารยอดนิยมของสายแฮลท์ตี้

กราโนล่าและมุสลี่

กราโนลาและมูสลี่

กราโนลาและมูสลี่ เป็นอาหารเช้าและขนมว่างที่มีส่วนผสมหลักจากธัญพืช มีลักษณะและส่วนประกอบที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับอาหารเช้าหรือขนมว่างที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ โปรตีน และวิตามิน จากธัญพืชและผลไม้แห้ง การเลือกระหว่างสองอย่างนี้อาจขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลเกี่ยวกับเนื้อสัมผัสและรสชาติ

ทำความรู้จักกับกราโนลา และมูสลี่

กราโนลา (Granola) เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสามารถทานเป็นขนมขบเคี้ยวในช่วงเวลาที่ต้องการพลังงาน ลักษณะเป็นเม็ดหรือก้อนเล็ก ๆ ที่กรอบและมีรสชาติหวาน ส่วนประกอบหลักจะเป็นธัญพืชอบแห้ง ผสมกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวาน และอาจมีการเติมน้ำมันเล็กน้อยเพื่อช่วยให้เคี้ยวได้กรอบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมี ถั่วลิสง อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และผลไม้แห้งอย่างลูกเกดหรือแครนเบอร์รี่เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางอาหาร

มูสลี่ (Muesli) เป็นอาหารเช้าที่นิยมทานกับนม โยเกิร์ต หรือน้ำผลไม้ มีต้นกำเนิดจากสวิตเซอร์แลนด์ มีส่วนผสมประกอบไปด้วยธัญพืชดิบหรือแห้ง เช่น โอ๊ต ข้าวสาลี และข้าวบาร์เลย์ ผสมกับผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกด แอปเปิ้ลแห้ง, หรือแครนเบอร์รี่ และธัญพืช เช่น ถั่ว อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน หรือเมล็ดฟักทอง หรือเติมผลไม้สดเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ มีไฟเบอร์จากธัญพืชและผลไม้สูง และยังเป็นแหล่งของโปรตีนจากถั่วหรือเมล็ดพืช นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุจากส่วนผสมต่าง ๆ

กราโนลากับมูสลี่ ต่างกันอย่างไร

1. วิธีการเตรียม

  • กราโนลา ประกอบด้วยธัญพืชที่ถูกอบในเตาอบพร้อมกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง และน้ำมันเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่กรอบและรสชาติหวาน
  • มูสลี่ มักเป็นการผสมธัญพืชดิบหรือแห้งกับผลไม้และถั่วโดยไม่ต้องอบ ทำให้มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มหรือเล็กน้อยกรอบ และมีรสชาติที่อ่อนกว่า

2. เนื้อสัมผัส

  • กราโนล่า มีเนื้อสัมผัสที่กรอบและค่อนข้างหวานเนื่องจากการเติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งและการอบให้กรอบ.
  • มูสลี่ มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มหรือเพียงเล็กน้อยกรอบจากธัญพืชและผลไม้แห้ง โดยไม่มีการเติมน้ำตาลเพิ่มเติมในการผลิต.

3. วิธีการทาน

  • กราโนลา สามารถทานได้หลากหลาย เช่น ทานเป็นอาหารเช้าพร้อมนมหรือโยเกิร์ต, ใช้เป็นท็อปปิ้งในสมูทตี้โบวล์, หรือทานเป็นขนมขบเคี้ยว
  • มูสลี่ มักจะทานพร้อมกับนมหรือโยเกิร์ตในเช้าวัน บางครั้งอาจเติมผลไม้สดหรือน้ำผลไม้เพื่อเพิ่มรสชาติและความชุ่มชื้น

4. การเสิร์ฟ

  • กราโนลาสามารถทานได้ทันที หรือเสิร์ฟแบบเย็นกับนมหรือโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและรสชาติ
  • มูสลี่สามารถเสิร์ฟแบบเย็นข้ามคืนในตู้เย็น (แช่ในนมหรือน้ำผลไม้) หรือร้อน (นำมาต้มกับน้ำร้อนหรือนมร้อน) เพื่อให้ธัญพืชนุ่มและง่ายต่อการย่อย ทำให้เนื้อสัมผัสนุ่มและอิ่มตัว

5. รสชาติ

  • กราโนลา มีรสชาติหวานและรสชาติที่เข้มข้นกว่าเนื่องจากการเติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง
  • มูสลี่ มีรสชาติที่อ่อนกว่า โดยเน้นไปที่รสชาติธรรมชาติของธัญพืชและผลไม้

6. ประโยชน์ทางโภชนาการ

  • กราโนลา และมุสลี่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากมีธัญพืช ผลไม้ และถั่ว ซึ่งเป็นแหล่งของไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ อย่างไรก็ตามกราโนลาอาจมีแคลอรี่และน้ำตาลสูงกว่าเมื่อเทียบกับมูสลี่ที่ไม่มีการเติมน้ำตาลเพิ่มเติม

การใช้กราโนลา และมูสลี่ เป็นส่วนผสมของขนม

กราโนลา และมูสลี่ไม่เพียงแต่เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและเนื้อสัมผัสให้กับขนมเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มรสชาติที่น่าสนใจและทำให้ขนมมีมิติมากขึ้น การใช้ส่วนผสมเหล่านี้ในการทำขนมเป็นวิธีที่ดีในการสร้างสรรค์และทดลองสูตรใหม่ ๆ

1. กราโนลา

  • ท็อปปิ้ง ใช้เป็นท็อปปิ้งบนโยเกิร์ตพาร์เฟต์ ไอศกรีม หรือสลัดผลไม้เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสกรอบและรสชาติหวาน
  • เบเกอรี่ เช่น คุกกี้กราโนลา บาร์เมล็ดพืช หรือมัฟฟิน เพื่อเพิ่มความกรอบและรสชาติ
  • เป็นส่วนผสมในช็อคโกแลต ผสมกราโนลาลงในช็อคโกแลตละลายเพื่อทำช็อคโกแลตบาร์ หรือทรัฟเฟิลที่มีเนื้อสัมผัสและรสชาติเพิ่มเติม

2. มูสลี่

  • เป็นส่วนผสมในขนมปังและเค้ก ใช้มูสลี่เป็นส่วนผสมในแป้งขนมปังหรือเค้กเพื่อเพิ่มไฟเบอร์และเนื้อสัมผัส
  • ในพายและทาร์ต ใช้เป็นส่วนผสมหรือเป็นฐานสำหรับทำพายหรือทาร์ตผลไม้ เพื่อให้ได้ฐานที่มีเนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่าง
  • เป็นส่วนผสมในสมูทตี้โบวล์หรือเป็นท็อปปิ้ง เพิ่มมูสลี่ลงในสมูทตี้โบวล์เพื่อเพิ่มความอิ่มและเนื้อสัมผัสหรือใช้เป็นท็อปปิ้งเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ

กราโนลา กับมูสลี่ คนไทยนิยมทานอะไร

ในประเทศไทย ทั้งกราโนลา และมูสลี่เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับอาหารเช้าหรือขนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่อาจมีความนิยมที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับรูปแบบการทานและความพร้อมในการเข้าถึงสินค้าเหล่านี้ กราโนลาอาจได้รับความนิยมมากกว่าในกลุ่มคนที่มองหาอาหารเช้าหรือขนมขบเคี้ยวที่สะดวก รวดเร็ว และมีรสชาติหวานกรอบ เพราะสามารถทานได้ทันทีโดยไม่ต้องเติมน้ำหรือนมเหมือนมูสลี่ ส่วนมูสลี่อาจถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารเช้าหรือขนมที่มีรสชาติน้อยหวานและเน้นส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น มูสลี่มักจะทานคู่กับโยเกิร์ตหรือนม ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบอาหารเช้าแบบไม่รีบร้อนและต้องการมื้อที่อิ่มท้องได้นาน

กราโนลากับมูสลี่ต้องทานตอนไหน

กราโนลา และมูสลี่สามารถทานได้ในหลายโอกาส ไม่เพียงแต่ในตอนเช้าเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นอาหารว่างหรือมื้ออาหารเบาๆ ในช่วงเวลาอื่นๆ ของวันได้ด้วย

  • ตอนเช้า
    กราโนลา และมูสลี่มีธัญพืชเป็นส่วนประกอบหลัก พวกมันจึงให้พลังงานและไฟเบอร์ที่เหมาะสำหรับเริ่มต้นวันใหม่ ทานพร้อมกับนม โยเกิร์ต หรือน้ำผลไม้เพื่อเพิ่มความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการ
  • อาหารว่าง
    กราโนลา และมูสลี่สามารถทานเป็นอาหารว่างในช่วงเช้าหรือบ่ายเพื่อเพิ่มพลังงานหรือคลายความหิวได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเลือกของว่างที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • ก่อนหรือหลังออกกำลังกาย
    ทานกราโนลาหรือมูสลี่ก่อนออกกำลังกายเล็กน้อยเพื่อให้พลังงานและไม่ทำให้รู้สึกหนักท้อง
    ทานกราโนลาหรือมูสลี่หลังการออกกำลังกายเพื่อช่วยฟื้นฟูพลังงานและเพิ่มโปรตีนหากทานคู่กับโยเกิร์ตหรือนม
  • มื้ออาหารเบา ๆ
    สำหรับคนที่ต้องการมื้อเย็นที่ไม่หนักท้องมาก กราโนลาหรือมูสลี่ทานคู่กับโยเกิร์ตและผลไม้สามารถเป็นตัวเลือกที่ดี

สนใจสอบถาม/สั่งซื้อ ผงไส้สำเร็จรูป คลิ๊ก : @ Desserts Mate