Desserts Mate (ดิเซิร์ท เมท)

ขนมซัมบูซะ กินกับน้ำจิ้มรสเด็ด

ขนมซัมบูซะ

ขนมซัมบูซะ

ขนมซัมบูซะ หรือซัมปูซะ เป็นหนึ่งในขนมพื้นเมืองของชาวมุสลิมที่สืบท้องจากประเทศซาอุดีอาระเบียสะท้อนถึงวัฒนธรรม และแสดงถึงภูมิปัญญาการกินของคนภาคใต้จากพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเดือนรอมฎอน (Ramadan) ที่ได้รับการผสมผสานระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิมได้อย่างกลมกลืน มีลักษณะรูปทรงสามเหลี่ยมคล้อยขนมปอเปี๊ยะทอด หรืะกะหรี่พัฟ ขนมชนิดนี้ทำจากแป้งหมี่ห่อ ไส้ด้านในเป็นผักต่าง ๆ และ เนื้อไก่ หรือเนื้อปลาแต่ทางภาคใต้ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ปลาทู ปลากระพง หรือนำปลาน้ำจืดมาทอดจนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสวย ซัมปูซะทานคู่กันน้ำจิ้มแบบอาจาดที่มีแตงกวาเป็นส่วนประกอบ

ส่วนตัวแป้ง

แป้งสาลีอเนกประสงค์           300 กรัม

น้ำเปล่า                                   170 กรัม

น้ำมันร้อนจัด                            50 กรัม

เกลือ                                      1 ช้อนชา

ส่วนของตัวไส้

เนื้อปลาปลาทูย่าง                  350 กรัม

กระเทียม                                    3 กลีบ

หอมแดง                                        3 หัว

พริกไทย                                 1 ช้อนชา

ผงยี่หร่า                                  1 ช้อนชา

น้ำตาลทราย                             70 กรัม

เกลือ                                    ½ ช้อนชา

น้ำเปล่า                                2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันสำหรับผัดไส้               1 ช้อนโต๊ะ

กะหล่ำปลีซอย                      1 ถ้วยตวง

หอมใหญ่ซอย                     ½ ถ้วยตวง

พริกขี้หนูซอย

น้ำมันสำหรับทอด

ส่วนของตัวน้ำจิ้ม

พริกชี้ฟ้าแดง                 5-7 เม็ด

กระเทียม                         3 กลีบ

น้ำตาลทราย                  60 กรัม

เกลือ                           1 ช้อนชา

น้ำเปล่า                       300 กรัม

น้ำส้มสายชู              3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำขนมซัมบูซะ

1. เตรียมนำน้ำมันไปตั้งบนไฟกลาง จนร้อนจัด
2. ระหว่างรอน้ำมันเดือดให้เตรียมชามผสมเทแป้งสาลีอเนกประสงค์และเกลือคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. จากนั้นนำน้ำมันที่ร้อนจัดมาเทใส่ลงในชามแป้งที่ผสมไว้แล้ว ใช้ทัพพีคนให้เข้ากันและค่อยๆ หยอดน้ำลงไปในแป้งครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ จนตัวแป้งมีความยืดหยุ่นเนื้อเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
(เคล็ดลับ ทำวิธีนี้จะทำให้แป้งตอนนำไปทอดจะกรอบนานไม่เหี่ยวง่าย) เวลาโดนลมนานๆ
4. นำแป้งที่นวดแล้วมาแป้งเป็นก้อนกลมๆ เท่า ประมาณเท่ากับลูกปิงปอง จากนั้นใช้น้ำมันพืชมาทาให้ทั่วตัวแป้งที่ปั้นเป็นก้อนไว้เพื่อไม่ให้แป้งติดกัน แล้วใช้พลาสติกแรปอาหารมาปิดชามที่ใส่แป้ง พักแป้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง
5. นำมาปลาทูมาย่างให้สุกจนมีกลิ่นหอม พักไว้ให้เย็น
6. ต่อมาตำพริกไทยดำ กระเทียม หอมแดง โขลกให้ละเอียดแล้วใส่ผงยี่หร่าตามลงไปแล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน
7. นำปลาทูที่พักให้เย็นมาแกะก้างออกบี้เนื้อให้ละเอียด แล้วนำไปผัดในกระทะต่อให้เนื้อปลาแห้งแล้วปิดไฟตักขึ้นพักไว้ก่อน
8. แล้วเทน้ำมันใส่ลงในกระทะโดยใช้ไฟกลางนำพริกไทย กระเทียม หอมแดงที่โขลกไว้มาผัดให้มีกลิ่มหอมแล้วใส่เนื้อปลาที่พักไว้ลงไปผัดต่อ ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำเปล่า ผัดต่อให้เข้ากันอีกครั้งจนทุกอย่างสุกหอมสุดๆ พักไว้
9. หั่นซอยกระหล่ำปลี หอมใหญ่ พริกขี้หนู เตรียมไว้

ขั้นตอนการห่อแป้งซัมบูซะ

1. ใช้น้ำมันทาบางๆ ที่แผ่นรีดแป้งเพื่อไม่ให้แป้งติด นำแป้งมาวางที่แผ่นรีดแป้งแล้วรีดแป้งให้เป็นแผ่นบางๆ ใช้มือหยิบกระหล่ำปลี หอมใหญ่ พริกขี้หนู ที่หั่นไว้แล้วตักใส่ตรงกลางแผ่นแป้งตามด้วยเนื้อปลาผัดสมุนไพร
2. ห่อแป้งให้เป็นรูปสามเหลี่ยมจนหมด แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนจัด ทอดจนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองหรือจนสุกพักให้เย็นจัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด

ขั้นตอนการทำน้ำจิ้มขนมซัมบูซะ

1. นำพริก กระเทียมโขลกให้ละเอียดเตรียมไว้
2. ต่อมาเทน้ำเปล่าใส่หม้อยกขึ้นตั้งเตาเปิดไฟกลาง นำส่วนผสมข้อที่ 1 เทลงหม้อแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายเกลือ น้ำส้มสายชู คนจนน้ำตาลทรายละลายเข้ากันดีแล้วรอจนเดือด เคี่ยวต่อจนน้ำในหม้อลดลงแล้วปิดไฟ พักไว้ให้เย็น

หากคุณเบื่อกับเมนูขนมหวาน ขนมไทย และเบเกอรีรูปแบบเดิม ๆ สามารถปรับเปลี่ยนสูตรขนมได้ตามใจชอบ เพื่อสร้างสรรค์เมนูใหม่ให้น่าสนใจ เราขอแนะนำ ” ผงไส้สำเร็จรูป ” โดยไม่ต้องตั้งไฟกวน สะดวก ทำให้ง่ายต่อการใช้เป็นไส้ขนม ตกแต่งหน้าขนม และท็อปปิ้งสำหรับขนมอบทุกชนิด ซึ่งไส้สำเร็จรูป ” ตราตำหรับทอง ” อร่อย รสชาติเข้มข้น ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี มีให้เลือกถึง 8 ไส้ ไส้ขนมสำเร็จรูปผงสังขยาใบเตย ผงไส้สังขยาชาไทย ผงมันม่วง ผงเผือก ผงถั่วทอง ผงไส้ถั่วแดง ผงคอร์นคัสตาร์ด ผงใบหม่อนอบ เป็นต้น สนใจสอบถาม/สั่งซื้อ ผงไส้ขนมสำเร็จรูป คลิ๊ก : @ Desserts Mate

อ้างอิงสูตรจาก : https://board.postjung.com
อ้างอิงรูปจาก : https://www.dailynews.co.th