เตาอบ
เตาอบ เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับคนยุคใหม่ที่ต้องการทำอาหารทานเอง หรือทำขนมเป็นงานอดิเรก หรือเพื่อธุรกิจ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาอำนวยความสะดวกให้คนที่รักการทำอาหารประเภทอบ และพัฒนาให้ทันสมัยใช้งานง่าย และมีฟังก์ชั่นที่ดี ทำให้ใช้งานได้ง่าย สะดวก และประกอบอาหารได้หลากหลายตามต้องการ รวมทั้งมีให้เลือกหลายขนาดตามความเหมาะสมของผู้ใช้งาน
ประเภทของเตาอบ
1. เตาอบไฟฟ้า
เป็นเตาที่นิยมใช้กันกว้างขว้าง ทั้งใช้ในครัวเรือน และใช้ในธุรกิจร้านอาหาร ร้านขนม หรือคาเฟ่ แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบตั้งโต๊ะ และ แบบฝังหรือแบบบิลท์อิน
- แบบตั้งโต๊ะ (Countertop Oven)
เป็นเตาขนาดเล็ก สามารถตั้งวางบนโต๊ะหรือเคาน์เตอร์ในครัวได้ รูปร่างหน้าตาคล้ายไมโครเวฟ แต่จะมีตะแกรง 1 ชั้นอยู่ตรงกลาง ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องติดตั้งอะไรให้ยุ่งยาก และราคาถูก มีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็ก 9 ลิตร ไปจนถึงขนาดใหญ่ 45 ลิตรขึ้นไป ข้อควรระวัง คือ แนะนำให้ตั้งห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือวัตถุไวไฟอื่นๆ เพราะขณะอบจะมีความร้อนแผ่ออกมานอกเตาค่อนข้างเยอะ เนื่องจากกระจกกันความร้อนได้น้อย และควรระวังอย่าให้มือไปสัมผัสบริเวณกระจกหน้าเตา อาจทำให้บาดเจ็บได้ค่ะ - แบบฝัง (Built-in Oven)
เหมาะสำหรับใช้ในบ้าน หรือคอนโด และร้านอาหาร เพราะมีขนาดใหญ่ และต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญติดตั้งให้ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู และมีการออกแบบที่ช่วยกักเก็บความร้อนได้ดีกว่า ทั้งยังมีความสวยงาม ช่วยจัดระเบียบห้องครัว และไม่เปลืองพื้นที่บนเคาน์เตอร์ แต่อาจจะมีราคาสูง ก่อนซื้อควรพิจารณาถึงความจำเป็น และพื้นที่สำหรับติดตั้งให้รอบคอบ
2. เตาอบลมร้อน (Convection Oven)
จะมีพัดลมช่วยกระจายความร้อน จึงให้ความร้อนกระจายได้ทั่วถึง และทำให้อาหารหรือขนมสุกได้เร็วกว่า และสุกทั่วถึงกัน สีสันออกมาสวยงามสม่ำเสมอ แต่ราคาก็ค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับใช้ในธุรกิจทำเบเกอรี่ มาการอง ชูครีม ครัวซองต์ หรือพัฟพ์
3. เตาอบขนาดใหญ่ (Deck Oven)
นิยมใช้ในธุรกิจทำเบเกอรี่โดยเฉพาะ ให้ความร้อนจากพื้นเตา คล้ายเตาที่ใช้อบพิซซ่าแบบโบราณ เหมาะสำหรับอบขนมที่ต้องการความร้อนจากด้านล่าง เช่น ขนมปังสไตล์ยุโรป อย่างบาร์เกตต์ หรืออบพิซซ่า และคุกกี้
4. เตาอบคอมบิ (Combi Oven)
หรือเรียกอีกชื่อว่า เตาอบคอมบิเนชั่น คือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีทั้งอบและนึ่งอยู่ในเครื่องเดียวกัน เหมาะสำหรับใช้ทำเมนูอาหารคาว และเหมาะสำหรับใช้ในร้านอาหาร ภัตตาคาร และโรงแรมมากกว่า เพราะมีขนาดใหญ่ และราคาสูง
การเลือกซื้อเตาสำหรับอบ
1. เลือกขนาดให้เหมาะสม
การเลือกขนาดควรเลือกให้เหมาะสมกับพื้นที่ตั้ง และความถี่ในการทำอาหาร รวมไปถึงรูปแบบของเมนู เพราะขนาดยิ่งใหญ่ ความจุยิ่งเยอะ ก็ยิ่งมีราคาสูง และกินพื้นที่ ถ้าต้องการเตาสำหรับทำอาหารกินภายในครอบครัว ควรเลือกเป็นเตาแบบตั้งโต๊ะ ขนาดประมาณ 20 ลิตร หรือถ้าอยู่คนเดียว เน้นทำขนมปังปิ้ง หรืออบเล็กๆ น้อยๆ ก็เลือกที่ต่ำกว่า 20 ลิตร แต่ถ้าเปิดร้านอาหาร ร้านขนม หรือคาเฟ่ ก็เลือกเตาไฟฟ้าหรือเตาลมร้อนขนาดใหญ่ 45 ลิตร – 60 ลิตรขึ้นไป อีกหนึ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับขนาดของเตา ก็คือ ชั้นของตะแกรง โดยทุกๆ 10 ลิตร ควรมีตะแกรง 1 ชั้น เช่น ขนาด 20 ลิตร ควรมีตะแกรง 2 ชั้น หรือขนาด 30 ลิตร ควรมีตะแกรง 3 ชั้น เพื่อให้ความร้อนกระจายได้ทั่วถึง
2. พื้นที่ติดตั้ง
การติดตั้งเตาแบบตั้งโต๊ะ ควรอยู่ใกล้ปลั๊กไฟ และอยู่ห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ พอสมควร และไม่ควรวางชิดผนังเพื่อให้ความร้อนสามารถระบายออกได้สะดวก ส่วนแบบบิลท์อิน ควรตัดสินใจเลือกซื้อให้ได้ก่อนทำเคาน์เตอร์ครัว เพื่อให้ช่างสามารถวัดขนาดและออกแบบเคาน์เตอร์ให้เหมาะสมกับการวางเข้าไปใต้เคาน์เตอร์ หากซื้อแบบบิลท์อินหลังจากทำเคาน์เตอร์ อาจต้องปวดหัวเพราะไม่สามารถหาขนาดที่เหมาะสมมาใส่ได้นั่นเอง
3. ฟังก์ชันการใช้งาน
ฟังก์ชันการใช้งาน ควรเลือกที่สามารถปรับอุณหภูมิได้หลากหลาย (บางรุ่นมีเพียงปุ่มตั้งเวลา ซึ่งจะทำได้แค่อุ่นอาหารเท่านั้น) และมีให้เลือกทั้งการใช้ไฟบน-ไฟล่าง เพียงเท่านี้ก็ใช้ได้ทั้งอุ่นอาหาร ปิ้งขนมปัง และอบขนมเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ถ้าอยากได้ฟังก์ชันแบบแอดวานซ์ ปรุงอาหารได้เยอะขึ้น บางยี่ห้อจะแถมไม้เสียบสำหรับย่างเนื้อสัตว์ สามารถติดตั้งแทนตะแกรงได้
สนใจสอบถาม/สั่งซื้อ ผงไส้ขนมสำเร็จรูปรสต่าง ๆ คลิ๊ก : @ Desserts Mate
บทความอ้างอิง
https://www.ofm.co.th/
อ้างอิงรูปจาก
https://appliance-medic.com/