Desserts Mate (ดิเซิร์ท เมท)

เทียนอบ เสน่ห์เอกลักษณ์ของขนมไทย

เทียนอบ

เทียนอบ

เทียนอบ เป็นเครื่องหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ใช้อบขนมให้มีกลิ่นหอมคู่ขนมไทยมานาน ซึ่งปัจจุบันนี้จะหาทานขนมที่อบควันเทียนค่อนข้างยาก ซึ่งหากได้ลิ้มลองแล้วจะรู้ถึงเสน่ห์ของขนมไทยที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมละมุนลิ้นอวลอยู่ในปาก นอกจากนี้ในอดีตคนสมัยก่อนใช้อบร่ำเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือแม้เครื่องประทินผิวให้หอมกรุ่น ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะสตรีชาววัง ให้มีความหอมติดกายจนกระทั่งมีคำกล่าวขานที่ว่า “หอมติดกระดาน” หมายถึง สตรีที่มีความหอมแทรกซึมลงสู่พื้นกระดานที่นั่ง แม้ลุกไปแล้วพื้นกระดานก็ยังคงหอมกรุ่นอยู่

สูตรการทำเทียนอบ

ในสมัยก่อนใช้ขี้ผึ้งแท้ โรยกำยานแล้วเคล้าขี้ผึ้งกับกำยานให้เข้ากัน นำไปตากแดดแล้วนำเทียนมาแผ่เป็นแผ่น วางไส้ตรงกลาง จากนั้นจึงขดตัวเทียนเป็นรูปคล้ายกิ้งกือ ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะผสมขี้ผึ้งเทียนหรือพาราฟิน เพื่อให้เทียนอยู่ตัวง่าย รูปร่างเป็นโค้งงอ ดัดปลายเข้าหากันเป็นตัวยูหรือเกือกม้า บางแห่งเพิ่มเครื่องหอมเข้าไปในตัวเทียน ซึ่งในสูตรต่อไปนี้จะสามารถทำได้ 4 เล่ม ดังนี้

ส่วนผสม

  • แก่นจันทน์เทศบด 2 ช้อนชา
  • ผิวมะกรูดสด
  • ส่วนสีเขียวซอยละเอียด 21-2 ช้อนชา
  • พิมเสน 2 ช้อนชา
  • กำยานบดเป็นผง 2 ช้อนชา
  • เปลือกชะลูดบด 2 ช้อนชา
  • ขี้ผึ้ง 200 กรัม
  • พาราฟิน 100 กรัม
  • หัวน้ำหอม (2) 1 ช้อนชา
  • หัวน้ำหอม (1) สำหรับชุบเส้นด้ายไส้เทียน
  • เครื่องปรุงร่ำกำยาน
  • เปลือกชะลูดบด 4 ช้อนโต๊ะ
  • แก่นจันทน์บด 4 ช้อนโต๊ะ
  • พิมเสน 2 ช้อนโต๊ะ
  • กำยาน 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผิวมะกรูดสดซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันจันทน์ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายแดง 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ซักด้ายให้สะอาดด้วยน้ำ ตากให้แห้งแล้วแช่ลงในน้ำอบไทยประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง บิดหมาด ผึ่งลมให้แห้งสนิท จากนั้นนำเส้นด้ายมาจับกลุ่มรวมกันทำเป็นไส้เทียนให้ได้ความหนาประมาณ 1.5 เซนติเมตร แล้วใช้กรรไกรตัดให้มีความยาวประมาณ 8 นิ้ว หรือ 1 คืบ
3. ผสมเครื่องปรุงร่ำกำยานทั้งหมดให้เข้ากันแล้วพักไว้
4. ใช้ไฟเผาตะคันจนร้อนจัด
5. วางไส้เทียนและทวนลงในโถ โดยให้ทวนอยู่ตรงกลางโถ แล้วใช้ไม้หรือแหนบคีบตะคันที่ร้อนจัดวางทับบนทวนตักเครื่องปรุงร่ำกำยานในข้อ 3 ลงในตะคันแล้วปิดฝาทันที ทิ้งไว้ประมาณ 3 – 5 นาทีหรือพอควันใกล้หมด ให้เปิดฝาออกเปลี่ยนตะคันและใส่เครื่องปรุงใหม่ลงไป ปิดฝาแล้วร่ำต่อทำซ้ำเดิมเช่นนี้ 4 – 5 ครั้ง เมื่อทำครบแล้วให้ยกตะคันออกจากโถ
6. หยิบไส้เทียนออกจากโถ ใช้มือจุ่มหัวน้ำหอม (1) รูดที่ไส้เทียนจนทั่วทั้งหมด แล้วใส่ภาชนะปิดฝาไว้
7. ผสมแก่นจันทน์เทศ ผิวมะกรูด พิมเสนกำยาน และเปลือกชะลูดลงในถ้วย คนผสมให้เข้ากัน พักไว้
8. ละลายขี้ผึ้งและพาราฟินให้เข้ากันด้วยไฟอ่อน พักไว้พออุ่น
9. ตักขี้ผึ้งในข้อ 8 ลงในถ้วยส่วนผสมข้อ 7 ใช้เกรียงผสมให้เข้ากัน แล้วหยดหัวน้ำหอม (2) ลงไปเล็กน้อย ใช้มือบีบนวดส่วนผสมและขี้ผึ้งให้เข้ากันอีกครั้ง
10. ฟั่นเทียนให้เป็นเล่ม โดยบีบนวดขี้ผึ้งให้เป็นท่อนกลม แล้วใช้นิ้วแผ่ออกให้แบนและมีหน้ากว้างประมาณ 1 นิ้ว และยาวประมาณ 8 นิ้ว (ให้เท่ากับไส้เทียนที่เตรียมไว้) วางไส้เทียนลงตรงกลาง แล้วบีบริมขี้ผึ้งทั้งสองเข้าหากันปิดไส้เทียนให้มิด ใช้มือกำให้แน่น แล้วคลึงลงบนกระเบื้องจนเรียบเนียนทั้งเล่ม
11. ใช้กรรไกรหรือมีดควั่นปลายเทียนทั้งสองข้างออกเล็กน้อย แล้วขดเทียนให้เป็นรูปเกือกม้าจากนั้นใช้กรรไกรตัดไส้เทียนให้มีความยาวเสมอกัน แล้วเก็บเทียนใส่ในถุงพลาสติกมัดปากถุงให้แน่น เก็บให้ห่างความร้อน

วิธีจุดเทียนอบ

1. จุดให้ไฟลามประมาณ1.5-2ซม. นะค่ะ เมื่อไส้เทียนแดงได้ที่แล้วค่อยๆดับเทียนลง
เมื่อเราดับไฟแล้วอย่าพึ่งปิดฝาทันที นับเลขในใจ1-10แล้วค่อยเอาฝาปิดค่ะ วิธีนี้จะช่วยไม่ให้มีกลิ่นไหม้ได้ด้วยจ้า
2. ใช้เวลาอบขนมอย่างน้อย3ชม. หรือ1คืนจะทำให้ขนมหอมจ้า สามารถอบซ้ำตามที่ต้องการจ้า
3. ก่อนจะอบต้องให้ขนมเย็นสนิทจึงสามารถนำไปอบได้ และเวลาจุดเทียนห้ามโดนลมเด็ดขาด

คำแนะนำเพิ่มเติม

1. ใช้ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด ควรเป็นแก้ว กระเบื้อง หรือโลหะ ไม่ใช่พลาสติก เพราะอาจทำให้ขนมมีกลิ่นพลาสติกหรือพลาสติกอาจละลายจนเป็นอันตรายต่อผู้กิน
2. ห้ามไม่ให้ตัวเทียนสัมผัสกับขนม หากจะอบขนมแห้งที่เป็นชิ้นๆ ให้วางถ้วยใบหนึ่งไว้ตรงกลางภาชนะแล้วเรียงขนมไว้รอบๆ ถ้วย ส่วนถ้าอบควันเทียนน้ำกะทิอาจใช้ลวดพันกับเทียนแขวนไว้ตรงขอบหม้อ
3. จากนั้นจึงจุดเทียนอบขนมด้วยไฟแรง รอให้เผาไหม้ได้ที่จนขี้ผึ้งละลายบางส่วน ดับเทียนแล้ววางลงในถ้วยหรือแขวนตรงขอบหม้อ ปิดฝาให้สนิท รอจนกว่าควันเทียนจะหมด

สนใจสอบถาม/สั่งซื้อ ผงไส้ขนมสำเร็จรูปรสต่าง ๆ คลิ๊ก : @ Desserts Mate

ที่มาอ้างอิง
https://th.wikipedia.org/
facebook : KanomAtPhuket และ ครัวไทยช้อนทอง
https://sites.google.com/a/g.swu.ac.th/khnm-mngkhl9xyang/hxm-klin-theiyn-xb-xeklaksn-khnm-thiy