ขนมสาลี่ เนื้อแป้งฟูนุ่ม

ขนมสาลี่

สูตรขนมสาลี่

ขนมสาลี่ เป็นขนมไทยโบราณเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ขนมชนิดนี้เป็นที่นิยมและสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันทำจากแป้งสาลี ไข่ไก่ น้ำตาลทราย น้ำมะนาว เกลือป่น สีผสมอาหาร และผลไม้อบแห้ง เช่น ลูกเกด ผลไม้อบแห้ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์

ส่วนผสมสาลี่

แป้งสาลี                    1½ ถ้วยตวง

ไข่ไก่เบอร์2                       10 ฟอง

น้ำตาลทรายละเอียด     2 ถ้วยตวง

น้ำมะนาว                         1 ช้อนชา

เกลือป่น                        ¼ ช้อนชา

สีผสมอาหารสีตามต้องการ

วัตถุดิบตกแต่ง

ลูกเกด ผลไม้รวมเชื่อมหั่นชิ้นเล็กๆ หรือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์

วิธีทำขนม

1. นำไข่ใส่ภาชนะสำหรับตี และใช้เครื่องตีไข่ไก่ด้วยความเร็วสูงให้ไข่ไก่เข้ากันดี ระหว่างนั้นใส่น้ำตาลทรายลงไปด้วยค่อยๆใส่ จนไข่ที่ตีมีลักษณะฟู และเป็นสีขาวนวล เติมน้ำมะนาว เกลือป่น และกลิ่นวนิลาลงไปตีให้เข้ากัน

2. ร่อนแป้งสาลีลงไปค่อยๆใส่ คนเบาๆให้เข้ากัน จนแป้งกับไข่เข้ากันดีแล้ว ใส่สีผสมอาหารอ่อนๆ คนให้เข้ากัน

3. นำกะดาษสำหรับรองขนมปูลงในถาด หรือเราจะใช้แบบพิมพ์อื่นๆก็ได้ เทแป้งลงเกือบเต็ม แต่งหน้าด้วยของที่เตรียมไว้เช่น ลูกเกต เม็ดมะม่วงหิมพานต์

4. ตั้งหม้ออนึ่งจนน้ำเดือดนำขนมไปนึ่งในลังถึง นึ่งขนมด้วยไฟกลางประมาณ 15-20 นาที หากแป้งหนาต้องใช้เวลานานขึ้น

5. วิธีดูว่าแป้งข้างในสุกหรือไม่ โดยใช้ไม่เสียบลูกชิ้นจิ้มลงไปในขนม ถ้ายังมีเศษขนมติดไม้ออกมาแสดงว่าขนมยังไม่สุกให้นึ่งต่อ

6. ขณะที่นึ่งและเปิดฝาหม้อต้องระวังไม่ให้ไอน้ำหยดใส่หน้าขนม เพราะหน้าขนมจะไม่สวย เมื่อขนมสุกแล้วยกลง รอให้เย็นดีแล้วจึงตัดเป็นชิ้นๆพร้อมเสริฟได้ทันที

หากคุณเบื่อกับเมนูขนมหวาน ขนมไทย และเบเกอรีรูปแบบเดิม ๆ สามารถปรับเปลี่ยนสูตรขนมได้ตามใจชอบ เพื่อสร้างสรรค์เมนูใหม่ให้น่าสนใจ เราขอแนะนำ ” ผงไส้สำเร็จรูป ” โดยไม่ต้องตั้งไฟกวน สะดวก ทำให้ง่ายต่อการใช้เป็นไส้ขนม ตกแต่งหน้าขนม และท็อปปิ้งสำหรับขนมอบทุกชนิด ซึ่งไส้สำเร็จรูป ” ตราตำหรับทอง ” อร่อย รสชาติเข้มข้น ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี มีให้เลือกถึง 8 ไส้ ไส้ขนมสำเร็จรูปผงสังขยาใบเตย ผงไส้สังขยาชาไทย ผงมันม่วง ผงเผือก ผงถั่วทอง ผงไส้ถั่วแดง ผงคอร์นคัสตาร์ด ผงใบหม่อนอบ เป็นต้น สนใจสอบถาม/สั่งซื้อ ผงไส้ขนมสำเร็จรูป คลิ๊ก : @ Desserts Mate

อ้างอิงสูตร และรูปจาก : https://www.oloeifood.com/