ทองม้วนกรอบ หอมหวานมันกะทิ

ทองม้วนกรอบ

สูตรทองม้วนกรอบ

ทองม้วนกรอบ เป็นขนมไทยแต่โบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา ขนมชนิดนี้มีส่วนผสมหลัก คือ แป้งมันสำปะหลัง แป้งสาลีอเนกประสงค์ เกลือป่น ไข่ไก่ (เบอร์ 1) หัวกะทิ น้ำตาลมะพร้าว งาดำ และน้ำมันพืชเล็กน้อยสำหรับทาพิมพ์ แล้วนำมาแป้งเทลงในแม่พิมพ์จนเต็มวง แล้วผิงไฟจนแป้งสุกแล้วม้วนเป็นหลอด มีลักษณะเป็นแผ่นม้วนกลมเป็นวง รสชาติหวานหอมจากกลิ่นกะทิ แป้งกรอบ อร่อย

ส่วนผสมทำทองม้วน

แป้งมันสำปะหลัง              290 กรัม

แป้งสาลีอเนกประสงค์      100 กรัม

เกลือป่น                         ¼ ช้อนชา

ไข่ไก่ (เบอร์ 1)                      1 ฟอง

หัวกะทิ                       450 มิลลิลิตร

น้ำตาลมะพร้าว                  225 กรัม

งาดำ                            2-3 ช้อนตวง

น้ำมันพืชเล็กน้อย สำหรับทาพิมพ์

วิธีทำทองม้วนกรอบกะทิสด

1. ร่อนแป้งสาลี และแป้งมันพร้อมกัน ลงไปในชามผสม เปิดหลุมตรงกลางไว้

2. ใส่ไข่ไก่ลงไป ตามด้วยเกลือป่น น้ำตาลมะพร้าว กะทิใส่เล็กน้อย จากนั้น คลุกเคล้าให้เข้ากัน สามารถใช้มือได้

3. พอนวดจนน้ำตาลละลายดี และแป้งเนียนเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ ใส่หัวกะทิ ลงไปจนหมด นวดให้ทุกอย่างเนียนเข้ากันดี

4. นำแป้งไปพักไว้ ในอุณหภูมิห้อง อย่างน้อย 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง จากนั้น ใส่งาดำลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน

5. เตรียมอุปกรณ์สำหรับทำทองม้วน เปิดแก๊สใช้ไฟอ่อน วางพิมพ์ทอมม้วนลงไป ทาด้วยน้ำมันพืชบาง ๆ ทั้งด้านบน และด้านล่าง วอร์มให้พิมพ์ร้อน

6. หยอดแป้งลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใช้เวลาย่าง ประมาณ 2 นาที ในระหว่างที่ย่าง ควรบีบพิมพ์ให้แน่น ย่างฝั่งละ 1 นาที จากนั้น ม้วนให้เป็นทรงทองม้วน นำขึ้นไปผึ่งบนตะแกรง รอจนหายร้อน พร้อมเสิร์ฟ

หากคุณเบื่อกับเมนูขนมหวาน ขนมไทย และเบเกอรีรูปแบบเดิม ๆ สามารถปรับเปลี่ยนสูตรขนมได้ตามใจชอบ เพื่อสร้างสรรค์เมนูใหม่ให้น่าสนใจ เราขอแนะนำ ” ผงไส้สำเร็จรูป ” โดยไม่ต้องตั้งไฟกวน สะดวก ทำให้ง่ายต่อการใช้เป็นไส้ขนม ตกแต่งหน้าขนม และท็อปปิ้งสำหรับขนมอบทุกชนิด ซึ่งไส้สำเร็จรูป ” ตราตำหรับทอง ” อร่อย รสชาติเข้มข้น ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี มีให้เลือกถึง 8 ไส้ ไส้ขนมสำเร็จรูปผงสังขยาใบเตย ผงไส้สังขยาชาไทย ผงมันม่วง ผงเผือก ผงถั่วทอง ผงไส้ถั่วแดง ผงคอร์นคัสตาร์ด ผงใบหม่อนอบ เป็นต้น สนใจสอบถาม/สั่งซื้อ ผงไส้ขนมสำเร็จรูป คลิ๊ก : @ Desserts Mate

อ้างอิง : https://www.sgethai.com/
อ้างอิงรูปจาก : https://parawan.com/